เมื่ออินเตอร์เน็ตเป็นมากกว่าการเชื่อมต่อข้อมูลเข้าเว็บไซต์ต่างๆจนกลายมาเป็นเกมออนไลน์ที่ทำให้เกิดการแข่งขัน แน่นอนว่าเมื่อเด็กในวัยเรียนที่ติดเกมก็ย่อมต้องอยากเป็นสุดยอดเกมเมอร์มือฉมังในเกมนั้นๆอยู่แล้ว ปัญหาเด็กติดเกมอยู่คู่สังคมไทยมาตั้งแต่สมัย Ragnarok บูมในประเทศนี้ใหม่ๆ จนถึง พ.ศ.2563 ก็ยังเป็นปัญหาเดิมๆที่แก้ไม่หายซ้ากกะที ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่การเล่นเกมยังยากขนาดต้องไปเล่นร้านเกม แต่ในปัจจุบัน smartphone และเกมมือถือหลายๆเกมเข้าถึงเด็กได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เนื่องด้วยราคาที่ไม่แพงมากนัก (หากไม่ใช่ iPhone) และเกมมือถือหลายๆเกมที่แทบถอดรูปแบบการเล่นมาจากเกม PC ที่ฮิตๆกันเลยทีเดียว
หนังเรื่องนี้จึงได้หยิบประเด็นที่วนในอ่างของประเทศไทยมาขยายเป็นภาพยนตร์ผ่านตัวละครครูเบญจมาศ (อ้อม พิยดา) ที่เป็นครูแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีความหัวโบราณ เมื่อวันนึงได้รู้ว่าโอม (ตน ต้นหน) ลูกชายที่เรียนเก่งขนาดเป็นตัวแทนโรงเรียนของตัวเองกลายเป็นนักแคสเกมชื่อดัง แถมยังแอบปิดบังไม่ให้แม่รู้อีกด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วความลับก็ไม่มีในโลก เมื่อครูเบญรู้จนได้ว่าลูกชายเป็นนักแคสเกมและโปรเพลเยอร์ชื่อดัง SonicFighter แห่งทีม Higher
อีกประการหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือในโรงเรียนของครูเบญมีเด็กนักเรียนเล่นมือถือในเวลาเรียนเป็นจำนวนมาก ทำให้ครูเบญเสนอโครงการห้องเรียนปลอดมือถือ แต่ในขณะเดียวกันเธอเองก็ต้องมาจัดการปัญหาชีวิตของตัวเองเมื่อโอมที่ควรต้องไปสอบชิงทุนดันต้องไปแข่งเกม ROV ที่เกาหลีถ้าหากเป็นแชมป์ประเทศไทย หนทางสุดท้ายที่จะทำให้โอมได้ไปสอบชิงทุนตามที่เธอต้องการก็คือการเอาโอมออกมาจากทีม Higher แต่เมื่อเจรจาไม่สำเร็จเธอจึงต้องฟอร์มทีมเกม ROV มาแข่งให้ชนะ Higher
บังเอิญที่ในขณะเดียวกันโรงเรียนของเธอดันมีอดีตโปรเพลเยอร์ของที่ Higher อย่างกอบศักดิ์ (เติร์ด ลภัส) ที่กำลังมีปัญหาโดนทัณฑ์บน ทำให้ครูเบญต้องไปชักชวนให้เขามาตั้งทีม ROV เพื่อไปแข่งให้ชนะ Higher โดยมีมะปราง (วี BNK48) และ ไกด์ (บอส ธนบัตร) อดีตโปรเพลเยอร์ของทีม Higher เหมือนกับกอบศักดิ์มาร่วมทีมด้วย และได้แบงค์ (นนท์ ศุภวัจน์) กับ แม็ก (เตชินท์ ณัฐชนน) มาร่วมทีมในชื่อว่า Ohmgaga
ในตอนแรกนั้น Ohmgaga ชนะจนได้กระแสเป็นม้ามืดในการแข่งขันปีนี้เพราะว่ามีอดีต Higher ถึง 3 คน แต่แล้วเมื่อทีมกำลังจะถึงจุดพีค ไกด์ได้ถอนตัวออกจากทีมและกลับไปร่วมกับทีม Higher นั่นจึงทำให้ครูเบญต้องมาเป็นเพลเยอร์อีกคนของทีมแทนไกด์ที่ออกไป
แล้วครูหัวโบราณแบบครูเบญจะสามารถเล่น ROV โดยไม่เป็นตัวถ่วงให้เพื่อนได้หรือไม่ และทีม Ohmgaga จะสามารถฝ่าการแข่งขันจนไปสู้กับทีม Higher ได้หรือไม่
โครงการห้องเรียนปลอดมือถือของครูเบญจะเป็นอย่างไร และในท้ายที่สุดครูเบญกับโอมจะปรับความเข้าใจกันได้หรือไม่ ติดตามชมได้ใน Mother Gamer เกมเมอร์เกมแม่ทุกโรงภาพยนตร์!
ผลงานจาก ยรรยง คุรุอังกูร ที่เคยร่วมงานกับสมาชิกอีกคนของ BNK48 คืออร ในเรื่อง App War แอปชนแอป โดยในเรื่องนี้ก็ยังเล่นประเด็นได้น่าสนใจและมีความหลากหลาย เช่นประเด็นเกมกับเด็กวัยเรียน ประเด็นช่องว่างระหว่างวัยของเด็กกับผู้ปกครอง การใช้เทคโนโลยีในมือให้เกิดประโยชน์ การทำงานเช้าชามเย็นชามของครูในโรงเรียน
โดยในเรื่อง Mother Gamer เกมเมอร์เกมแม่นั้นจะเล่าประเด็นเหล่านี้ผ่านการแข่งทัวร์นาเมนต์ ROV แต่จะเล่าในมุมมองของครูเบญซะเป็นส่วนใหญ่ เกือบทั้งเรื่อง ทำให้เรารู้จักกับทีม Ohmgaga โดยเฉพาะครูเบญ กอบศักดิ์ มากพอสมควร ทำให้ไม่ได้เน้นเส้นเรื่องทางฝั่งโอมมากนัก โดยเราจะรู้เพียงแค่ว่าโอมเป็นเด็กเรียนดี เป็นโปรเพลเยอร์ของทีม Higher แต่เราไม่ได้รู้ความนึกคิดของโอมว่ามีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งในจุดนี้ทำให้เราไม่อินทางฝั่งโอมเท่าไหร่นัก
ในภาพยนตร์นั้นถึงจะบอกว่าแข่ง ROV เป็นธีมหลัก แต่จะเน้นที่การหัดเล่น ROV ของครูเบญคล้ายๆกับจอมยุทธ์ที่ฝึกวิชาในสำนักแล้วออกไปท่องยุทธภพในตอนจบแทนซะมากกว่า ทำให้เราไม่ได้เห็นฉากการต่อสู้ของทีม Ohmgaga และ Higher รวมถึงการซ้อมของโปรเพลเยอร์ E-sport มากนัก
โดยบทของภาพยนตร์ในเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากข่าวคุณพ่อชาวจีนที่จ้างโปรเพลเยอร์ไปรุมฆ่าลูกตัวเองในเกมออนไลน์เพราะติดเกมอย่างหนัก และนำมาผสานเข้ากับประเด็นในสังคมของประเทศไทยได้อย่างลงตัว เป็นจุดที่ขับให้หนังดูมีน้ำหนัก
ในส่วนของการตัดต่อ ในช่วงแรกๆของภาพยนตร์จะเป็นการโคลสอัพเยอะมาก มีการซูมเข้าออก มีฉากที่หมุนกล้องอีกด้วยซึ่งในบางทีทำให้มึนไปหน่อย
การใช้นักแสดงแทนบทบาท Avatar ในเกม นับว่าน่าสนใจและเป็นลูกเล่นของหนังที่ทำให้รู้สีหน้า อารมณ์ของตัวละครในขณะแข่งได้ เป็นซีนแอคชั่นสนุกๆเพลินๆเลยทีเดียว
โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปกครองกับเด็กในวัยเรียน โดยที่การเล่นเกมก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เลิกสนใจการเรียนแต่อย่างใด เช่น เวลาที่ว่างจากการเรียนก็สามารถเล่นเกมได้ เพียงแต่ต้องมีลิมิตเป็นของตัวเอง หรือการเปิดโลกทัศน์ว่าการเล่นเกมก็สามารถนำมาเป็นอาชีพได้เหมือนกับกีฬาหลายๆประเภท เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องนี้หา’จุดกึ่งกลาง’ของช่องว่างระหว่างวัยของผู้ปกครองและเด็ก ถ้าหากแต่ละฝ่ายต่างเปิดใจคุยกันโดยไม่มีอคติก็คงได้เข้าใจกันมากขึ้น แต่ถ้ามีฝ่ายไหนมีธงในใจเหมือนกับครูเบญที่มองว่าการเล่นเกมทำให้เด็กเสียการเรียนทุกคน ก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจกัน ถอยคนละก้าวและค่อยๆคุยกันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการบังคับให้ลูกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
นอกจากนี้ยังมีฉากหวานๆของกอบศักดิ์กับมะปรางให้ฟินกันอีกด้วย บอกเลยว่าวีน่ารักม้ากกกกกกกกกกกจนแอบหวง ;__;
สำหรับใครที่ไม่เคยเล่น ROV แล้วคิดว่าจะไปดูดีมั้ย ขอบอกเลยว่าดูได้แบบสบายใจ เพราะตัวหนังไม่ได้เน้นตัวละครในเกมมากนัก เน้นแค่ role ในทีมเพียงเท่านั้น ไม่ได้เจาะลึกรายละเอียดของตัวละครต่างๆในเกมจนไม่เข้าใจ และยังมีตัวขโมยซีนอย่างแม็กเด็กปากหมาที่ถอดแบบเด็กหัวเกรียนปากดีร้านเกมมาได้แบบไร้ที่ติอีกด้วย สรุปแล้วดูเหอะ คุ้มค่าตั๋วแน่นอน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำ E-sport player มาเป็นนักแสดงรับเชิญในเรื่องอีกด้วย หากใครตามแวดวง E-sport ก็คงฟินไปตามๆกัน
ครูเบญจมาศ (อ้อม พิยดา) ครูคณิตศาสตร์คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ประสบปัญหาลูกเป็นโปรเพลเยอร์และนักเรียนในโรงเรียนติดมือถือจนต้องทำโครงการห้องเรียนปลอดมือถือไปพร้อมๆกับฟอร์มทีมแข่ง ROV
โอม (ตน ต้นหน) โปรเพลเยอร์ ROV แห่งทีม Higher ที่มีคุณแม่เป็นครูคณิตศาสตร์หัวโบราณที่คิดว่าเด็กเล่นเกมคือเด็กก้าวร้าวและยังเป็นจุดชนวนที่ทำให้คุณแม่ต้องกลายเป็นเกมเมอร์
กอบศักดิ์ (เติร์ด ลภัส) ตัวเทพเรื่อง ROV ที่ชีวิตจริงจะโดนไล่ออกจากโรงเรียน เมื่อครูเบญจะฟอร์มทีมไปแข่งกับลูกตัวเอง ทำให้กอบศักดิ์เป็นตัวเลือกแรกที่ครูเบญจะยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ให้แก่เขา
มะปราง (วี BNK48) อดีตเกมเมอร์สุดคิวต์แห่งทีม Higher ที่รับบทเป็นมาสคอตประจำทีม จนทำให้โดนมองข้ามฝีมือในการเล่น และกลับมาฟอร์มทีมกับกอบศักดิ์อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/MotherGamerMovie/ , https://www.youtube.com/user/SahamongkolfilmInt
