ในที่สุดธอร์ก็กลับมา พร้อมกับเป็นฮีโร่คนแรกในมาร์เวลที่มีถึง 4 ภาค แม้ว่าจะห่างหายจากภาคที่ 3 ร่วมๆ 5 ปีก็ตาม โดยภาคนี้มาพร้อมกับธีมอันเด่นชัดของตัวเอง ก็คือ Love and Thunder โดยมีคนรักเก่าอย่าง เจน ฟอสเตอร์ที่กลับมาในบทบาทธอร์หญิง และบทบาทของธอร์หลังจากออกไปตะลุยอวกาศกับแก๊ง Guardian of the galaxy

เรื่องย่อ
เมื่อภารกิจสู่การเกษียณของธอร์ ถูกแทรกแซงจากนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ Gorr the God Butcher (Christian Bale) วายร้ายผู้หวังกำจัดเหล่าเทพเจ้าให้สิ้นซาก เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามในครั้งนี้ ธอร์จึงร่วมมือกับ ราชาแห่งวัลคีรี่(Tessa Thompson), คอร์ก (Taika Waititi) และ แฟนเก่าของเขา เจน ฟอสเตอร์ (Natalie Portman) ผู้ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ธอร์เป็นอย่างมาก เพราะเธอสามารถควบคุมและใช้ค้อนโยเนียร์ของเขาในฐานะ Mighty Thor
ทั้งหมดจะต้องร่วมหัวจมท้ายไปในการผจญภัยเพื่อค้นหาความลับเบื้องหลังความเคียดแค้นของ Gorr the God Butcher ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ติดตามเรื่องราวของพวกเขาได้ใน ธอร์: ด้วยรักและอัสนี” ❤️ + ⚡️ 6 กรกฏาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
สำหรับภาคนี้นอกจาก Gorr นักฆ่าเทพที่จะโผล่มาเป็นตัวร้ายหลักของเรื่องแล้ว เราก็จะได้เจอกับเจน ฟอสเตอร์ คนรักเก่าของธอร์ และ โยลเนียร์ อดีตอาวุธคู่ใจ
โดยในภาคนี้จะขยายความสัมพันธ์ระหว่างธอร์และเจนให้เราได้รู้ว่า ทำไมทั้งสองถึงได้เลิกรากัน
เมื่อตัวอยากมูฟออน แต่ใจไม่ได้มูฟออนตาม พี่ธอร์ของเราก็เลยต้องพบกับปัญหาหัวใจ และต้องรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับคนรักเก่าด้วย นับเป็นศึกเล็กๆในใจของพี่ธอร์ที่ต้องรับมือ

บทหลักของภาคนี้จะเล่นเรื่องราวเกี่ยวกับความศรัทธาของมนุษย์ที่มีต่อเทพ เมื่อเทพไม่ช่วยเหลือมนุษย์จนมนุษย์สูญสิ้นศรัทธา จนกำเนิด Gorr The God Butcher
สำหรับบทในการสร้างตัวร้ายอย่าง Gorr นั้น นับว่ามีมิติที่ลุ่มลึกและทำให้คาแรกเตอร์ของ Gorr นั้นแข็งแรง ซึ่งการได้คริสเตียน เบล มาเล่นนั้น ก็ทำให้การถ่ายทอดอารมณ์และบุคลิกของ Gorr ออกมาได้ไร้ที่ติ ทำให้เราลืมภาพอดีต Batman ไปได้เลยทีเดียว

สิ่งที่น่าเสียดายเลยก็คือ เหมือนภาคนี้จะเน้นปมตรงธอร์กับเจนมากจนเกินไป ทำให้บทบาทของ Gorr เหมือนโผล่มาไม่เท่าไหร่ และไม่ได้เห็นซีนไล่ฆ่าเทพของ Gorr เสียเท่าไหร่ เราเลยไม่ได้เห็นความน่ากลัวของ Gorr เหมือนกับที่ Scarlet Witch ได้ทำใน Dr. Strange 2 ซึ่งตรงนี้น่าเสียดายมากครับ เพราะในภาคนี้ก็จะเปิดจักรวาลเทพอีกมากมาย แต่กลับ skip ฉากสำคัญอย่างการฆ่าเทพต่างๆของ Gorr ไป

อีกส่วนสำคัญในภาคนี้ก็คือสภาเทพ ที่เราจะได้เห็นเทพจากที่อื่นๆนอกจากแอสการ์ด ซึ่งตรงนี้มาร์เวลเองก็เตรียมปูทางเอาไว้ให้กับธอร์ภาคต่อๆไป และ MCU ว่าจะหยิบเทพองค์ไหนมาเล่นได้บ้าง และจะมีอีกหลายอีเวนต์เกี่ยวกับเทพ ที่มาร์เวลคงจะหยิบมาใส่ใน MCU เอาไว้แน่ๆ ที่เด่นสุดในฉากนี้ก็คงเป็น ซุส ที่รับบทโดยรัสเซล โครว์ เขาเป็นไอดอลของธอร์ เมื่อธอร์ได้มาพบกับไอดอลของตัวเอง แต่ไอดอลไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง นี่ก็เป็นอีกปมของธอร์ที่เขาจะต้องจัดการ

บทของเจน ก็เป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก ้และมีความสำคัญกับเรื่องมากๆ ทั้งแก้ปมของธอร์ เยียวยา และทำให้พี่ธอร์ของเรามูฟออนจากเรื่องราวหนักๆที่ผ่านมาในช่วงนี้
ปมของเจนก็ทำออกมาได้ดี ทำให้เราได้รู้จักเจนในอีกหลายๆแง่มุมที่ไม่ได้รู้จักในภาค 1 และ 2 ใครที่เคยเฉยๆกับเธอในภาค 1 และ 2 จะต้องตกหลุมรักเธอในภาคนี้อย่างแน่นอนครับ
สำหรับการเตรียมตัวดูธอร์ภาคนี้ ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ต้องดู ธอร์ภาคก่อนๆและอเวนเจอร์ภาคก่อนๆมา เพราะเส้นเรื่องของธอร์นั้นอยู่ที่ตัวเองเป็นหลัก ไม่ได้แจมกับตัวอื่นมากเหมือนกับหมอแปลก
สรุปแล้ว ภาคนี้ก็มีบทที่ดี แก้ปมในใจของธอร์ได้อีกหลายเรื่อง มีความฮาเข้ามาดึงมู้ดของหนังไม่ได้มันเครียดเกินไป ส่วนของตัวร้ายทำออกมาได้มีมิติมาก ตัวละครหลักตัวอื่นก็ไม่ได้ถูกกลบและมีความหมายต่อเนื้อเรื่อง แต่จุดที่ยังไม่ดีเท่าไหร่คือ การปรากฏของตัวร้ายนั้นน้อยจนน่าเสียดาย ทั้งที่ปูทางคาแรกเตอร์มาได้อย่างแข็งแรง
และ end credit ที่จะบอกทิศทางเกี่ยวกับธอร์ในอนาคต ห้ามพลาดทั้ง 2 ตัวเลยครับ