แอน (Faces of Anne) นั่นก็แอน นี่ก็แอน มีแต่แอนเต็มไปหมด

สำหรับภาพยนตร์เรื่องแอน (Faces of Anne) เป็นการกลับมาอีกครั้งของผู้กำกับมากฝีมือ คงเดช จาตุรันต์รัศมี หลังจากฝากผลงานล่าสุดไว้ใน Where we belong ในปี พ.ศ.2562 และยังเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับมิวสิค แพรวา สุธรรมพงษ์ และ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ ที่เคยร่วมงานกันใน where we belong อีกด้วย

เรื่องย่อ

ทุกคนชื่อแอน และทุกคนกำลังถูกมันล่า

เรื่องราวสุดระทึกของการไล่ล่า  การหนีตาย การเอาตัวรอด และมีปมปริศนาต่าง ๆ มาปะติดปะต่อกัน โดยที่พวกเธอทุกคนมีชื่อเดียวกันคือ “แอน”

แอน เด็กสาวที่ตื่นขึ้นมาบนเกาะแห่งหนึ่งตามลำพัง เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและมาที่นี่ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ เธอต้องรีบหาวิธีเอาตัวรอดและออกจากสถานการณ์ปัจจุบันให้ได้

“ทุกคนชื่อแอน และทุกคนกำลังถูกมันล่า” พบกับตัวอย่างแรก จากภาพยนตร์ Faces of Anne ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่มี “แอน” กี่คน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอคือ “แอน” จริง ๆ หรือเปล่า คุณเท่านั้น ที่จะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง

แค่เรื่องย่อก็แทบทำให้ผู้อ่านร้องซี้ดดด… กันไปตามๆกันแล้ว นอกจากจะถูกจับตัวมาแล้ว ผู้หญิงทุกคนยังชื่อเดียวกันคือ แอน มีแต่แอนเต็มไปหมดเลย เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เรียกได้ว่าส่งหมัดฮุคออกมาอย่างเด็ดขาดเลยทีเดียว เพราะมันเหมือนกับเป็นเชื้อเล็กๆที่ทำให้คนที่อ่านเนื้อเรื่อง ต่างก็อยากจะไปดูกับตาให้หายสงสัยกันไปเลยทีเดียว

แน่นอนว่าสำหรับผมก็สนใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจากฝีไม้ลายมือของผู้กำกับ และ 2 นักแสดงจาก BNK48 และมันก็ยิ่งทำให้ว้าวมากขึ้น เมื่อได้อ่านเรื่องย่อ เรียกได้ว่ายังไงก็ต้องไป Day One ให้ได้ (ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ดูแบบ Day One แต่กว่าจะนำมาเขียนรีวิวก็ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว เนื่องจากตารางชีวิตไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้เขียนรีวิวจนจบได้สักที… เอวัง)

แต่แน่นอนว่า นักแสดงนำคนอื่นต่างก็เรียกความสนใจจากผู้ชมได้มากมายเช่นกัน เช่น ปันปัน สุทัตตา, ออกแบบ ชุติมณฑน์, วี วิโอเลต, มินนี่ ภัณฑิรา ฯลฯ เรียกได้ว่า ต้องไม่พลาดเรื่องนี้กันแล้วล่ะ

โดยตัวหนังจะเริ่มต้นด้วยการตื่นขึ้นมาของผู้หญิงที่ชื่อแอน โดยที่เธอไม่มีความทรงจำก่อนหน้า และไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เพราะอะไร ซึ่งตรงนี้เหมือนกับให้ผู้ชมได้ร่วมเรียนรู้สภาพแวดล้อมและตัวตนของแอนไปพร้อมๆกับตัวแอนเอง ซึ่งเป็นอะไรที่น่าติดตามดูต่อ

ซึ่งจะคล้ายๆกับเกมแนว RPG ที่เราจะรู้เรื่องไปพร้อมกับแอนคนแรก และได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการถูกจับตัวมาของบรรดาแอน ผ่านทางแอนคนอื่น เหมือนกับเราคุยกับ NPC เพื่อเสพเนื้อเรื่องยังไงยังงั้นเลย

ตัวหนังก็ดำเนินไปเรื่อยๆ คล้ายกับการทำ quest หรือลง dungeon อะไรแบบนั้น แล้วก็ บู้มมม เจอบอสอย่าง Vertigo ปีศาจหัวกวาง ซึ่งเจ้าปีศาจหัวกวางตัวนี้ โผล่ออกมาแต่ละฉาก ให้ความรู้สึกเหมือนกับ Michael Myers จากภาพยนตร์เรื่อง Halloween เลยครับ คือไม่ว่าจะหนียังไง มันก็วาร์ปตามมาได้เสมอๆ แอบติด GPS ไว้รึยังไง

ซึ่งในช่วงนั้น แนวของหนังจะเหมือนกับ horror/thriller เลย (ซึ่งจริงๆก็แทบจะทั้งเรื่อง แต่ช่วงนี้จะหนักกว่า) ส่วนใครที่กลัวเลือดก็อาจจะอึดอัดกับช่วงนี้นิดนึง แต่หลังจากนั้นจะเข้าช่วง psycho thriller เล่นกับจิตวิทยาล้วนๆ

ซึ่งตรงช่วงนี้ เป็นส่วนที่ผมชอบที่สุดของเรื่องเลย เพราะว่ามันพาเราไปสำรวจกับความคิดของแอน และยังมีการใส่สัญญะเอาไว้อีกด้วย รวมถึงการสอดแทรกเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง ส่วนนี้ทำให้ผมรู้สึกอิ่มกับหนังไปเลย แบบปลื้มมากกก

ในส่วนของการพาเรื่องไปยังบทสรุป ยังคงความสไตล์คงเดชอยู่เหมือนเดิมครับ แต่ตอนจบค่อนข้างที่จะไม่ปลายเปิดเหมือนกับเรื่องก่อนๆแล้ว

ในด้านของบทภาพยนตร์ ก็ค่อนข้างทำออกมาได้ดีตามสไตล์คงเดช ยังคงความลึกลับ น่าค้นหา แฝงปรัชญา และสัญญะต่างๆเอาไว้

ส่วนของนักแสดง แม้ว่าด้วยจำนวนของตัวละครแอนที่ออกมาหลายคน ทำให้แอนหลายๆคนอาจจะไม่มีบทเด่นเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นด้านการแสดงความกลัวที่มีต่อ Vertigo ทุกคนทำออกมาได้ดีเลย เพราะสื่อว่าตัวละครกลัว Vertigo จริงๆ

อีกบทบาทหนึ่งที่สำคัญก็คือ บทจิตแพทย์ที่คอยรักษาแอน ทั้งล่อหลอก และปั่นหัวแอนกับคนดูไปพร้อมๆกัน เรียกได้ว่าเป็นอีกสีสันของเรื่อง

สรุปแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะนำเราไปสำรวจความคิดของแอนและตัวเราเอง โดยเฉพาะเรื่อง Identity crisis ที่ถูกเน้นย้ำในหลายๆครั้งของเรื่อง การเติบโตและการเปลี่ยนผ่านระหว่างวัย ประเด็นความอาวุโสในสังคม และอีกหลายๆเรื่องที่ผมอ่านจะไม่ได้พูดถึง

ถ้าหากได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอนครับ

“เราทุกคนคือแอน และไม่ใช่แอนด้วยเช่นกัน” 

“ถ้าเราทำไม่เหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็จะไม่เหมือนเดิม” 

More like this

Fly me to the moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์ อะพอลโล่ ดวงจันทร์ และจัดฉาก

ดวงจันทร์ หนึ่งในอดีตเป้าหมายการไปเยือนสักครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ เมื่อสหรัฐอเมริกา พ่ายแพ้ต่อ สหภาพโซเวียต ในการส่งมนุษย์คนแรกไปยังอวกาศ สหรัฐอเมริกาจึงต้องทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ แต่กว่าจะได้มาซึ่งสิ่งนี้พวกเขาต้องทำเรื่องมากมาย และฝ่าฟันเรื่องนี้ไปให้ได้ เรื่องราวคอมเมอดี้ และพื้นฐานจากเรื่องจริง พร้อมปรุงแต่งให้สนุกอีกมากมาย ในเรื่อง Fly me to the...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า