การเดินทางครั้งใหม่ของไทจิและอากุม่อนที่อาจเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของทั้งคู่!
หากพูดถึงดิจิมอน เด็กไทยหลายคนที่โตเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้คงรู้จักกันเยอะมากๆ เพราะ Digimon Adventure และภาคต่อๆมาเคยถูกนำมาฉายทางช่อง 9
โดยเรื่องราวในเดอะมูฟวี่นี้เป็นการเติบโตของเหล่าเด็กที่ถูกเลือกและดิจิมอนคู่หูของพวกเขา
สำหรับภาคนี้จะเป็นหนัง coming of age อย่างแท้จริง ถ้าหากใครเป็นเด็กที่อายุเท่าๆกับไทจิและเพื่อนๆในตอนที่ Adventure ฉายครั้งแรกก็จะทำให้เราอินมากขึ้น เหมือนกับเราและเพื่อนๆได้โตมาด้วยกันและอัปเดตชีวิตในปัจจุบันให้ได้รู้

จะให้เหมือนเมื่อก่อนไปตลอดไม่ได้หรอกนะ ซักวันนึงเราก็ต้องแยกทางกับเพื่อน
– อิชิดะ ยามาโตะ
ประโยคนี้เป็นคำกล่าวในตัวอย่างของหนัง เหมือนเป็นการบอกพวกเรากลายๆว่าต่อให้จะเป็นเพื่อนสนิทกันมากแค่ไหน แต่ถ้าวันนึงเติบโตขึ้นไปและมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ มันก็ไม่แปลกที่ซักวันพวกเราจะต้องแยกทางกับเพื่อน เพราะเวลานั้นต้องมาถึงในซักวันนึงแน่นอน
สำหรับเนื้อเรื่องในภาคนี้ อยู่ๆมีดิจิมอนเกิดอาการก้าวร้าวและมีคนที่สูญเสียสัมปชัญญะจนอยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทราหลายร้อยคน ทำให้ไทจิและเหล่าเพื่อนๆต้องค้นหาสาเหตุของปัญหา ซึ่งก็คือบอสประจำภาคนี้ Eosmon แถมอยู่ๆก็มีดวงไฟปรากฏบนหน้าดิจิไวซ์ของไทจิและยามาโตะ ยิ่งทั้งสองคนพัฒนาร่างอากุม่อนและกาบุม่อนเยอะเท่าไหร่ ดวงไฟเหล่านั้นจะยิ่งดับลงไปมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดเมื่อดวงไฟหายไปทั้งหมด สายสัมพันธ์ระหว่างเด็กที่ถูกเลือกและดิจิมอนก็จะถูกทำลาย ทำให้พวกเขาไม่สามารถพบกันได้อีกต่อไป
ตัวหนังพาเราไปรู้จักเหล่าเด็กที่ถูกเลือกในปัจจุบันว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่บ้าง โดยไทจิและยามาโตะเป็นนักศึกษาปริญญาตรีปีสุดท้าย และกลุ่มเด็กที่ถูกเลือกก็ไม่สามารถมาพบกันได้ครบทุกคนเพราะต่างคนต่างมีเส้นทางเป็นของตัวเองตามประโยคที่ยามาโตะเคยพูดไว้
ไทจิที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะทำวิทยานิพนธ์เรื่องอะไรทำให้เราซึมซับความรู้สึกของเด็กมหาลัยปีสุดท้ายได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกระหว่างวัยเรียนและวัยทำงานที่ห่างกันเพียงเส้นบางๆ
ยามาโตะ นักศึกษาแสนเพอร์เฟคในสายตาของหลายๆคนที่ถูกคนรอบข้างมองว่าเขาจะทำงานในระดับสูงได้ทันทีหลังเรียนจบ ทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่รู้ความต้องการของตัวเองว่าอยากทำงานหรือเรียนต่อ สะท้อนให้เห็นถึงกรอบความคิดของคนอื่นที่มีต่อคนที่พวกเขาคิดว่าสมบูรณ์แบบและผลักความคาดหวังให้เขา ทั้งๆที่ยามาโตะเองก็เป็นเด็กวัยเดียวกันพวกเขาเช่นกัน

ถ้าหากพลังนั้นหายไป สายสัมพันธ์คู่หูกับดิจิมอนก็จะถูกทำลาย
– เมโนอา เบลุชชี่

งั้นถ้าเราโตเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องลาจากกับพวกดิจิมอนงั้นเหรอ – ยางามิ ไทจิ
ในเรื่องจะเล่นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆและดิจิมอน ในขณะที่ไทจิและเพื่อนๆโตขึ้นแต่อากุม่อนและดิจิมอนตัวอื่นๆกลับไม่โตขึ้นเลย อาจสื่อถึงเด็กๆกับการ์ตูนหรือหนังสือเล่มโปรดในวัยเยาว์ที่เมื่อก่อนเราเคยเพลิดเพลินไปกับมัน แต่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องโตแล้ว มุมมองในการซึมซับความรู้สึกอาจเปลี่ยนไปจนถึงขั้นไม่อินกับมันเหมือนเมื่อก่อนก็เป็นได้
Eosmon เป็นเหมือนสัญญะแทนอุปสรรคในชีวิตที่เราต้องเจอเมื่อโตขึ้น ในบางครั้งเราก็ต้องยอมสูญเสียบางอย่างเพื่ออะไรบางอย่างเหมือนกับไทจิและยามาโตะที่ต้องยอมสูญเสียสายสัมพันธ์กับดิจิมอนคู่หู
โดยรวมแล้วเดอะมูฟวี่นี้เป็นการเล่าถึงบทสรุปชีวิตของเหล่าเด็กๆที่ถูกเลือกกับคู่หูดิจิมอนได้ดี เนื้อเรื่องทำมาระลึกถึงความหลังได้อย่างงดงาม หักคะแนนจากตรงบทที่พยายามจะหักมุมแต่เดาทางง่ายมาก และการเกลี่ยบทที่มีแค่ไทจิ ยามาโตะ รองลงมาโคจิโร่ และเด็กๆภาค 02 ส่วนตัวละครอื่นๆจากภาคแรกแทบจะเรียกได้ว่าตัวประกอบเลยทีเดียว
สรุปแล้ว หากต้องการดูดิจิมอนภาคนี้ สมควรดูภาคแรก ,02 และ TRI แต่ถ้าหากไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แต่เคยได้ยินชื่อผ่านๆแล้วอยากดูก็สามารถดูได้ เพราะมันมีความเป็น coming of age ที่ relate กับชีวิตของคนเรามากๆ เราสามารถอินกับหลายๆช่วงเวลาของหนังได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องอินดิจิมอนมาก่อน (แต่ถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้เลยจะฟินมาก)
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับโซระ ขอบอกเลยว่าต้องผิดหวังแน่ๆ เพราะเธอจะไม่มีบทในภาคนี้นอกจากถูกกล่าวถึงกับมีฉากตัดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและสำหรับใครที่คิดถึงเธอ ก็สามารถดูวิดีโอนี้จาก TOEI ได้เพราะเป็นการเล่าเรื่องราวของเธอก่อนเดอะมูฟวี่นี้



ไทจิและยามาโตะจะช่วยเด็กๆคนอื่นได้หรือไม่ และพวกเขาจะต้องจำใจอำลาดิจิมอนคู่หูไปจริงๆเหรอ? ติดตามชมได้ในเดอะมูฟวี่นี้นะครับ รอจนจบเพลงด้วยนะ เพราะมีวิดีโอสรุปตอนท้ายประกอบ
และสำหรับใครที่คิดว่าไม่ทันแล้ว ยังมีรอบอำลาในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ตามรายละเอียดจาก Cartoon Club เลยครับ