ถ้าหากถามถึงการ์ตูนเรื่องดังในยุคนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ Jujutsu Kaisen หรือ มหาเวทย์ผนึกมาร ปรากฏขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆแน่นอน ด้วยคาแรกเตอร์ดีไซน์ที่โดนใจ พลอตเนื้อเรื่องที่น่าลุ้นแทบจะทุกบท และปมของตัวละครที่ทำให้เราเอาใจช่วย หรือเกลียดบางตัวกันไปเลย
สำหรับแฟนๆ JJK ที่รอคอยว่าเมื่อไหร่ Jujutsu Kaisen 0 จะได้เข้าไทยเสียที หลังจากที่ญี่ปุ่นฉายกันไปหลายเดือนแล้ว ในตอนนี้ก็กำลังจะเข้าไทยในวันที่ 23 มิถุนายนแล้วนะครับ (รอบพิเศษ 15-19)
เรื่องย่อ
เมื่อสมัยยังเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อย “อคคทสึ ยูตะ” สูญเสียโอริโมโตะ ริกะซึ่งเป็นเพื่อนวัยเด็กของตัวเองไปต่อหน้าต่อตาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
“สัญญานะ ว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่เมื่อไรยูตะจะแต่งงานกับริกะ”
ความทุกข์ทรมานจากการถูกริกะซึ่งกลายเป็นวิญญาณแค้นตามหลอกหลอน ทำให้ยูตะคิดอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าจู่ ๆ เขากลับถูกผู้ใช้คุณไสยสุดแกร่งโกะโจ ซาโตรุพาตัวมายังโรงเรียนไสยเวท การได้พบกับเซนอิง มาคิ, อินุมาคิ โทเงะ และแพนด้าซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันทำให้อคคทสึตั้งปณิธานหนึ่งกับตัวเอง
“ผมอยากได้ความมั่นใจ ว่าผมสมควรมีชีวิตอยู่ต่อ”
”ผมจะแก้คำสาปของริกะจังให้ได้ ที่โรงเรียนไสยเวทย์นี่แหละครับ”
แต่แล้ว “เกะโท สุงุรุ” นักสาปแช่งจอมชั่วร้ายซึ่งถูกอัปเปหิออกจากโรงเรียนไสยเวท เนื่องจากเคยก่อเหตุสังหารหมู่บุคคลทั่วไปอย่างโหดเหี้ยมกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าอคคทสึ
“วันที่ 24 ธันวาคมที่กำลังจะมาถึง พวกเราจะจัดขบวนแห่ราตรีร้อยอสูร’”
เกะโทผู้หมายมาดจะสร้างสรวงสวรรค์ที่มีแค่เพียงผู้ใช้คุณไสย ได้ปล่อยคำสาปนับพันตนสู่ชินจูกุและเกียวโตประหนึ่งต้องการกำจัดผู้ไร้วิชาให้สิ้นซาก–
ในท้ายที่สุดแล้วอคคทสึจะหยุดเกะโทได้หรือไม่ และการแก้คำสาปของริกะจะดำเนินต่อไปในทิศทางใด…
สำหรับใครที่เคยติดตามอนิเมของภาคหลัก โดยที่ไม่รู้จักภาคนี้มาก่อน ก็อาจจะงงๆว่าอิตาโดริ ยูจิหายไปไหน ซึ่งเนื้อเรื่องภาคนี้เกิดก่อนภาคหลัก 1 ปี อยู่ในช่วงขบวนแห่ราตรีร้อยอสูร ที่เคยเล่าผ่านๆในภาคหลักครับ
พระเอกของภาคนี้คืออคคทสึ ยูตะ ที่มีวิญญาณคำสาประดับพิเศษ โอริโมโตะ ริกะ ที่เคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กตามติดและคอยจัดการคนที่มาแกล้งยูตะ จนทำให้เขาคิดที่จะฆ่าตัวตาย สุดท้ายแล้วมาเจอกับโกะโจ ซาโตรุ ที่ทำให้เขามีเป้าหมายเป็นการปัดเป่าริกะให้ได้
โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้จะเปิดด้วย ปมของพระเอกอย่างยูตะ จากเด็กธรรมดาๆ ร่าเริง จนต้องมาเสียเพื่อนสมัยเด็กไปเพราะอุบัติเหตุชนแล้วหนี และเขาดันเป็นผู้มีพลังไสยเวทย์โดยไม่รู้ตัว ทำให้สามารถมองเห็นวิญญาณคำสาปของริกะ เพื่อนสมัยเด็ก และยังถูกเธอตามติด แม้ว่ารูปร่างวิญญาณของเธอจะเปลี่ยนไปเพราะกลายเป็นวิญญาณคำสาป แต่ว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อยูตะก็ยังเหมือนเดิม
โดยริกะจะคอยจัดการใครๆก็ตามที่มารังแกยูตะ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ร้องขอเลย ทำให้ยูตะตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย แต่ริกะก็ขัดขวางทุกครั้ง ทำให้ยูตะจนปัญญา ได้แต่ขังตัวเองเพื่อที่จะไม่ทำร้ายใครอีก จนกระทั่งเขาได้พบกับ โกะโจ ซาโตรุ ที่มองออกถึงภายในจิตใจของยูตะที่ไม่ได้อยากอยู๋คนเดียว และอยากมีเพื่อนเหมือนกันเด็กธรรมดาๆ ทำให้ยูตะเปิดใจและยอมรับเขาในที่สุด
การที่ยูตะตามโกะโจมาเรียนในโรงเรียนไสยเวทย์โตเกียว ทำให้เขาได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นปี 1 คือ อินุมาคิ, แพนด้า และมาคิ ที่ค่อยๆทำให้ยูตะได้รู้จักคำว่าเพื่อนอีกครั้ง และเริ่มเปิดใจให้กับผู้อื่นมากขึ้น
ที่เฟรนด์ลี่ที่สุดในกลุ่มจะเป็นแพนด้า ในเรื่องนี้แพนด้าจะกวนๆ ขี้ชิป(ไม่)หน่อยๆ (ฮา) อีกคนที่ยูตะคิดว่าเธอเกลียดเขาก็คือ มาคิ แต่ทั้งคู่ก็ได้ร่วมงานกันและค่อยๆเปิดใจยอมรับยูตะเป็นเพื่อนในภายหลัง
อินุมาคิ เป็นคนที่ยูตะเดาใจไม่ถูกเลย เพราะเขาเอาแต่พูดเกี่ยวกับหน้าของข้าวปั้น แต่แพนด้าก็ได้ช่วยอธิบายเรื่องของอินุมาคิให้ยูตะได้เข้าใจ ทำให้เขารู้ว่าตัวอินุมาคิเองก็มีเรื่องราวที่คล้ายๆกับยูตะเหมือนกัน
อาจะเรียกได้ว่าอินุมาคิเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของยูตะเลยก็ว่าได้
ในหนังก็จะเล่าเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองของยูตะ จากคนที่เคยสูญเสียที่ยืนของตัวเองไป จนเขาได้มาพบกับที่ยืนของตัวเองในโรงเรียนไสยเวทย์
“ผมอยากได้ความมั่นใจ ว่าผมสมควรมีชีวิตอยู่ต่อ”
ประโยคนี้ของยูตะ มันบาดใจคนดูเอามากๆเลย ทำให้สะท้อนถึงภายในจิตใจของเด็กหนุ่มธรรมดาๆคนนึง ที่คิดว่าการที่ตัวเองตายไปคงจะดีกว่ามีชีวิตอยู่แล้วทำร้ายคนอื่น
แม้ในครึ่งแรกของเรื่องจะเป็นแนวๆ slice of life ของยูจิและผองเพื่อน แต่เมื่อเกะโท สุงุรุ โผล่มา เพราะต้องการแย่งเอาริกะมาจากยูตะ เนื้อเรื่องก็เบนเข้าประเด็นหลักของมูฟวี่นี้ในทันทีครับ ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันกับโกะโจ คาแรกเตอร์ของเกะโท ก็คือ ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษแต่ก็มีบุคลิกต๊องๆคล้ายกับโกะโจเลย
เกะโทกลายเป็นนักสาปแช่งที่รวบรวมวิญญาณคำสาปต่างๆ มาเพื่อสร้างโลกที่มีแต่ผู้ใช้คุณไสย โดยเขามองคนธรรมดาเป็นเพียงแค่ลิงเท่านั้น
โดยสาเหตุที่เกะโทมองคนธรรมดาเป็นแบบนั้น ก็มีเหตุผลของเขาอยู่ ในมูฟวี่นี้สื่อสารประเด็นนี้โดยบอกว่า วิญญาณคำสาปที่อ่อนแอ มักจะรวมกันเป็นกลุ่ม เช่นเดียวกับคนธรรมดาที่อ่อนแอ ก็จะรวมกันเป็นกลุ่ม และจำกัดสิทธิ์ต่างๆของผู้ใช้คุณไสย รวมถึงกลั่นแกล้งสารพัด
แม้ว่าจะฉาบหน้าด้วยคุณไสย แต่ว่ามันก็สะท้อนสังคมของโลกเราจริงๆเหมือนกันครับ เช่น การที่ในห้องเรียนมีเด็กคนหนึ่งที่เรียนเก่ง หรือโดดเด่นในด้านอื่นๆ ก็จะถูกคนอื่นๆที่หมั่นไส้ มารุมแกล้ง รุมบูลลี่สารพัด ซึ่งมูฟวี่นี้ก็เล่าประเด็นของเรื่องนี้ได้ดี ผ่านกรอบโลกของเกะโท
สิ่งที่เด่นของมูฟวี่นี้ก็คือการตีแผ่ประเด็นสังคมต่างๆในโลกจริง ผ่านตัวละครและกรอบไสยเวทย์ของเรื่องนี้ เป็นส่วนที่ดีเอามากๆ
คาแรกเตอร์ของตัวละคร ก็เป็นจุดเด่นมาตั้งแต่ภาคหลัก ที่ทำให้เราตกหลุมรักตัวละครนั้นๆได้ และในภาคนี้ก็ทำให้คนดูตกหลุมรักยูตะ ได้อย่างไม่ยากเย็น แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ 100 นาทีของภาพยนตร์ก็ตาม
สำหรับฉากต่อสู้ของมูฟวี่นี้ ก็ยังไปสุดตามสไตล์ของ Mappa เหมือนกับในซีรีส์หลักเลยครับ (เช่น ฉากโกะโจสู้กับโจโกะ หรือฉากสู้ของสุคุนะ) ก็ยังทำออกมาได้ท็อปฟอร์มเหมือนเคย ใครที่ยังลังเลว่าอยากไปดูแบบ IMAX ดีไหม ก็ต้องบอกเลยว่า ถ้ามีโอกาสดูใน IMAX ได้ ก็ดูเลยครับ มันคุ้มค่าเอามากๆ
สรุปแล้ว มูฟวี่นี้ก็อาจจะต้องดู Jujutsu Kaisen ภาคหลักมาก่อน เพราะตัวละครอย่างเช่น โกะโจ หรือก๊วนแพนด้า จะไม่ได้แนะนำอะไรมากนัก แต่ถ้ามาดูโดยไม่เคยดูซีรีส์หลัก ก็ทำได้เช่นกัน แต่แค่อาจจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตัวละครบางตัวที่โผล่มาครับ
