นับเป็นเวลาร่วมๆ 5 ปีกว่าแล้วนับจากภาคแรกของ Dr. Strange ที่ห่างหายกันไปนาน เพราะหมอแปลกแกมักโผล่ไปแจมกับเรื่องอื่นบ่อยๆ เช่น Thor Ragnarok, Avengers Infinity War, Avengers Endgame และ Spider-Man: No Way Home ทำให้มีช่วงเวลาที่ขาดหายสำหรับภาคต่อของตัวเองพอสมควร
สำหรับการเตรียมตัวในการดูเรื่องนี้ ต้องดูอะไรมาก่อนบ้าง เราจะมาลิสต์ง่ายๆกันก่อนนะครับ
อันดับแรกแน่นอนว่าต้องเป็น Dr. Strange เพื่อให้เราได้เข้าใจความเป็นมาของตัวหมอแปลกนะครับ ซึ่งก็หาดุได้ที่ Disney Hotster
https://www.hotstar.com/th/movies/doctor-strange/1260018179
2. Avengers Infinity War สำหรับเรื่องนี้ก็ควรไปดูครับ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของบทสรุปสำหรับหนังมาร์เวลในเฟสแรก และเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายเนื้อหาไปยังเฟสต่อมา ดูได้ที่ Disney Hotstar เช่นเคย
https://www.hotstar.com/th/movies/avengers-infinity-war/1660010677
3. Avengers Endgame บทสรุปสำหรับมหากาพย์ภาพยนตร์มาร์เวลในเฟสแรก ที่เป็นจุดสำคัญและเป็นบทสรุปสำหรับหลายๆตัวละคร รวมถึงทำให้ผู้ชมได้เข้าใจว่าหลังจากเหตุการณ์นี้จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลจะดำเนินไปในทิศทางใด รับชมได้ทาง Disney Hotstar
https://www.hotstar.com/th/movies/avengers-endgame/1260013556/
4. Wanda Vision สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้วานด้าก็มีบทบาทสำคัญมากครับ เลยจำเป็นที่จะต้องไปดู Wanda Vision ก่อน จะได้เข้าใจภูมิหลังของวานด้าก่อนที่จะกลายเป็นแบบในเรื่อง Dr.Strange ภาคนี้ รับชมได้ทาง Disney Hotstar เช่นเคย
https://www.hotstar.com/th/tv/wandavision/1260051344
5. Spider-Man No Way Home เรื่องนี้ก็เป็นการปูบทบาทเกี่ยวกับ Multiverse ให้ผู้ชมได้รับรู้ว่าจักรวาลมาร์เวลจะไปในทิศทางใดต่อ และหมอแปลกก็มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ภายในเรื่องด้วยเช่นกัน
สำหรับช่องทางการรับชมในตอนนี้ยังไม่ได้ลงสตรีมมิ่งนะครับ แต่คุ้นๆว่าเหมือนจะลงเจ้านึงก่อนลงให้ Disney Hotstar
6. Marvel What If…? เป็นการ์ตูนที่นำเสนอในมุมมอง ถ้าเกิดเหตุการณ์ประมาณนั้นประมาณนี้สมชื่อเรื่องเลย ซึ่งเอาจริงๆแล้วไม่ต้องดูก็ได้ครับ แต่ถ้าดูเพื่อทำความเข้าใจบทบาทของหมอแปลกที่ใกล้เคียงกับในภาพยนตร์ก็ดูได้
รับชมได้ทาง Disney Hotstar
https://www.hotstar.com/th/tv/what-if/1260066057
เรื่องย่อ
“ประตูแห่งพหุจักรวาลที่ เต็มไปด้วยความลึกลับและความบ้าคลั่งได้ถูกเปิดออก ตอนนี้ Iron Man และ Captain America ได้ปลดเกษียณ จากการต่อสู้อันดุเดือดใน Avengers: Endgameแล้ว โดย Doctor Strange อดีตศัลยแพทย์อัจฉริยะและจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุด กลายเป็นบุคคลสำคัญของอเวนเจอร์ส แต่การใช้เวทย์มนตร์ของเขาเพื่อควบคุมเวลาและการแตะต้องคาถาต้องห้ามที่ถือว่าอันตรายที่สุดได้เปิดประตูสู่ความบ้าคลั่งลึกลับที่เรียกว่า “พหุจักรวาล”
เพื่อฟื้นฟูโลกที่กำลังเปลี่ยนไป ดร.สเตรนจ์ได้ขอความช่วยเหลือจาก หว่อง เพื่อนจอมเวทย์ และวานด้า ผู้ทรงพลังที่สุดของอเวนเจอร์ส แต่ภัยคุกคามอันน่าสยดสยองได้ปรากฏเหนือมนุษยชาติและทั่วทั้งจักรวาล ด้วยพลังของพวกเขาเพียงลำพังมิอาจคุ้มกันได้ และภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลที่ดูเหมือนกับ Doctor Strangeก็ปรากฎขึ้น
จาก ผู้กำกับ แซม ไรมี ผู้มีวิสัยทัศน์โลกภาพยนตร์ที่ไม่เหมือนใคร จะดึงดูดคนทั้งโลกด้วย ประสบการณ์ภาพยนตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อนที่จะอยู่เหนือกาลเวลาและจักรวาล!”
จริงๆในตอนแรก ผมได้เคยอ่านจากหลายๆที่มาว่า Dr.Strange ภาคนี้จะเป็นหนังสยองขวัญ ซึ่งตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ แม้ว่าหมอแปลกของเราจะเป็นสายเวทย์ก็ตาม แล้วโทนหนังมาร์เวลก็ไม่น่าจะไปทางนั้น แต่พอได้มาดูจริงๆแล้ว มันสยองขวัญจริงๆด้วย และทำให้ว้าวได้กับซีนสยองขวัญในเรื่อง ส่วนฉากตุ้งแช่ ก็ทำมาได้น่าตกใจเหมือนกันครับ
ทั้งโทนภาพมืดๆ ลึกลับในบางช่วง มันก็เข้ากับความสยองขวัญ ระทึกขวัญได้ดี โดยเฉพาะฉากไล่ล่า แม้ว่ามันจะไม่ดีตรงทำให้ฉากไล่ล่ามันค่อนข้างเหมือนหนังสยองเกรดบีไปหน่อย แบบตัวละครยืนง่อยๆรอผีมาจัดการอะไรแบบนั้น
การเล่าเรื่องส่วนของมัลติเวิร์ส ให้การรับรู้เรื่องราวมัลติเวิร์สผ่านจักรวาลหลักในภาพยนตร์ด้วยความฝัน เหมือนดังที่แสดงให้เห็นในตัวอย่างครับ ซึ่งมันก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน และหยิบจับคอนเซปต์ความฝันมาใช้ได้อย่างไม่ติดขัด
สำหรับบทบาทของหมอแปลกในภาคนี้ ก็เป็นตั้งแต่หนุ่มอกหักเพราะสาวไปแต่งงาน พ่วงด้วยการเป็นพี่เลี้ยงเด็กคล้ายๆกับบทใน Spider-Man No Way Home (ฮา) ในบทบาทการดูแลเด็ก หมอแปลกก็ทำออกมาได้ดี ทั้งสอนให้เด็กยอมรับความผิดพลาดและให้กำลังใจ ซึ่งก็เป็นมุมอ่อนโยนของหมอ
บทบาทของตัวตนหมอแปลกในจักรวาลอื่นๆ มีทั้งคล้ายกันและต่างกันราวฟ้ากับเหว ซึ่งเบเนเดิกต์ก็ถ่ายทอดมันออกมาได้ดีเลยครับ ทำให้เรารับรู้ถึงความแตกต่างของหมอแปลกแต่ละจักรวาลได้เป็นอย่างดี
วานด้า หรือ Scarlet Witch ถ้าหากไม่ได้ดู Wanda Vision บทในภาคนี้ก็จะดูเหมือนตัวร้ายทั่วไป เพราะจะไม่ได้ใส่เหตุผลในตัวละครมากนัก แต่เล่าแบบคร่าวๆแทน ซึ่งถ้าดู Wanda Vision มาก่อนก็จะทำให้เข้าใจเหตุและผลของตัวละครมากขึ้น
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ใครที่อยากเห็นวานด้าโชว์สเกลพลังเวทมนตร์แบบจัดเต็มก็จะได้เห็นแบบเต็มอิ่มกันเลย เพราะวานด้ายกระดับพลังของตัวเองเพิ่มจาก Endgame และ Wanda Vision ไปเยอะมากๆ สมกับที่เป็นตัวละครที่หลายๆคนยกให้มีพลังเยอะสุดในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล
ในส่วนของบท ในช่วงแรกๆทำให้เรารู้สึกได้ถึงความยาก ความสิ้นหวังในเรื่อง คล้ายๆกับตอน Infinity War เลย แม้จะไม่ระทึกเท่าก็ตาม (ก็แน่ล่ะ นี่เป็นหนังเดียวหมอแปลกไม่ใช่หนังรวมอย่าง Avengers) แต่ก็ทำให้สิ้นหวังในระดับที่ว่าไม่รู้ว่าจะสู้ยังไงเลย ช่วงที่กำลังจะมีความหวังก็โดนฉุดให้กลับไปสิ้นหวังอีก บทตรงช่วงนี้ทำให้ลุ้นระทึกมากๆครับ แม้ว่าตอนท้ายๆจะคลายปมและจัดการปัญหาง่ายไปหน่อยก็ตาม
ส่วนของเอฟเฟค สำหรับหนังที่เปิดมาว่าเกี่ยวกับมัลติเวิร์ส แล้วได้นักเวทย์ 2 คนอย่างหมอแปลกและวานด้ามานั้น เอฟเฟคของเวทย์ก็ทำออกมาได้สวย ทั้งฉากของวานด้าและหมอแปลก ฉากต่อสู้ก็ทำออกมาได้สวย แม้มีบางฉากที่แปลกๆไปบ้างก็ตาม
สรุปแล้ว Dr.Strange ภาคนี้ก็ต่อยอดจาก Endgame, Wanda Vision, Spider-Man No Way Home ได้ดี และนำมัลติเวิร์สมาใช้ได้เป็นอย่างดี แม้ว่ามัลติเวิร์สจะโผล่มาไม่เยอะเท่าไหร่ก็ตาม แต่ก็เป็นจุดหักมุมในเนื้อเรื่องด้วยเหมือนกัน
และหนังเรื่องนี้ก็ยังบอกทิศทางจักรวาลภาพยนตร์ในอนาคตของมาร์เวลว่าจะเป็นอย่างไรในเมื่อหมด Avengers รุ่นแรกไปแล้ว สำหรับแฟนคลับภาพยนตร์มาร์เวลไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
End Credit มี 2 ตัวนะครับ ตัวแรกสำคัญกับเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ต่อๆไป ส่วนตัวที่ 2 ทำมาเซอร์วิสแฟนคลับหนังของแซม ไรมีย์ ซึ่งไม่ดูก็ได้ครับ แต่มันก็ไม่กี่วิ ดูๆไปก็ได้นะ ฮา
